พระคุณพระเจ้า – คำที่แสนหวาน

Thai Editor June 26, 2025 Comments:0

(English Version: “Amazing Grace – How Sweet The Sound”) บทเพลงสรรเสริญอันมีชื่อเสียงเพลงหนึ่งของคริสเตียน หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นบทเพลงสรรเสริญที่โด่งดังที่สุดก็คือเพลงที่แต่งโดยจอห์น นิวตัน ชื่อว่า “Amazing Grace”  ตัวของจอห์น นิวตัน เองเคยใช้ชีวิตที่บาปหนา ได้ค้นพบพระคุณอันน่าอัศจรรย์จนทำให้เขาได้ประพันธ์บทเพลงสรรเสริญอันยอดเยี่ยมนี้ที่ทั้งคริสเตียนและผู้ที่ไม่ใช่คริสเตียนหลายคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม หลายศตวรรษก่อนที่จอห์น นิวตันจะแต่งเพลงสรรเสริญนี้ ความจริงในเนื้อเพลงนี้ได้สะท้อนถึงชายคนหนึ่งที่พบพระคุณพระเจ้าในชั่วโมงสุดท้ายของชีวิตได้เป็นอย่างดี  จากคำตรัสทั้งเจ็ดของพระเยซูเจ้าที่ถูกบันทึกไว้ในขณะที่พระองค์ถูกตรึงบนไม้กางเขน มีถ้อยคำแสนหวานที่พระองค์ได้ทรงปลอบประโลมโจรร้ายที่กลับใจว่า “เราบอกความจริงแก่เจ้าว่า วันนี้เจ้าจะอยู่กับเราในเมืองบรมสุขเกษม” [ลก. 23:43] ถ้อยคำนี้แสดงให้เห็นว่าชายคนนี้พบพระคุณของพระเจ้าในชั่วโมงสุดท้ายของชีวิตเขา  คำเหล่านี้ที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเยซูได้ให้ความหวังแก่จิตวิญญาณที่สิ้นหวังอย่างมากมาย เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ในลูกา 23:39-43 สอนเราว่าไม่สายเกินไปเลยสำหรับคนบาปที่กลับใจจะได้รับพระคุณแห่งความรอดอันน่าอัศจรรย์จากพระเจ้า  มาเรียนรู้ความจริงบางประการเกี่ยวกับการกลับใจ, ความเชื่อ, และความสัมพันธ์ของมันที่มีกับพระคุณแห่งความรอด ตามที่เราได้เห็นในเหตุการณ์นี้  พร้อมกับการประยุกต์ใช้ 2 ประการ I. หลักฐานแห่งการไม่กลับใจ [39] เมื่อพิจารณาการกระทำของโจรที่ไม่สำนึกผิด เราจะเห็นลักษณะ 2 ประการที่แสดงถึงการไม่กลับใจ 1. ไม่เกรงกลัวพระเจ้า  “ฝ่ายคนหนึ่งในผู้ร้ายที่ถูกตรึงไว้จึงพูดหยาบช้าต่อพระองค์ว่า…

ความเข้าใจผิด 3 ประการเกี่ยวกับความพอใจ

Thai Editor June 16, 2025 Comments:0

(English Version: “3 Misconceptions Concerning Contentment”) เด็กสาวคนหนึ่งมีคุณพ่อเป็นคนขี้บ่นตลอดเวลาได้พูดกับแม่ของเธอว่า “หนูรู้ว่าทุกคนในครอบครัวนี้ชอบอะไร จอห์นนี่ชอบแฮมเบอร์เกอร์  เจนนี่ชอบไอศกรีม  วิลลี่ชอบกล้วย  และแม่ชอบไก่”  พ่อของเธอถามด้วยความหงุดหงิดที่ตัวเองไม่อยู่ในรายชื่อ จึงถามว่า “แล้วพ่อล่ะ! พ่อชอบอะไร”  เด็กน้อยไร้เดียงสาตอบว่า “พ่อชอบทุกอย่างที่พวกเราไม่มีค่ะ”  แม้ว่าเราอาจขำกับคำพูดนี้ แต่ถ้าเราซื่อสัตย์กับตัวเอง พวกเราหลายคน – แม้แต่ที่เป็นคริสเตียน – ก็เป็นเหมือนกับคุณพ่อรายนี้  ปัญหานี้เกิดขึ้นเพราะมีความเข้าใจผิดหลายอย่างเกี่ยวกับเรื่องความพอใจ  บทความนี้พยายามเน้นถึงความเข้าใจผิดทั่วไป 3 ประการที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้และมีคำตอบจากพระคัมภีร์สำหรับแต่ละประเด็น ความเข้าใจผิด # 1  ความพอใจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ โดยทั่วไปแล้ว เรามักจะมองว่าการแสดงความไม่พอใจต่อสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ในชีวิตเป็นปฏิกิริยาตอบสนองทั่วไปของมนุษย์ปกติ  ท้ายที่สุดแล้ว ‘ฉันก็เป็นมนุษย์ ฉันต้องระบายออกมาบ้างเป็นครั้งคราว’ คำตอบจากพระคัมภีร์: อย่างไรก็ตาม หากพระเจ้ามองว่าความไม่พอใจเป็นปฏิกิริยาที่ “ปกติ” เหตุใดพระองค์จึงทรงมีคำสั่งสอนมากมายให้เราระวัง? เช่น คำสั่งต่อไปนี้เกี่ยวกับความจำเป็นในการมีความพอใจ – “จงพอใจในค่าจ้างของตน” [ลก. 3:14], “จงพอใจกับสิ่งที่ท่านมี” [ฮบ.…

อุปนิสัย 3 ประการในการตามพระเจ้าที่นำไปสู่ความสำเร็จอันแท้จริง!

Thai Editor June 4, 2025 Comments:0

(English Version: “3 Godly Habits That Lead To True Success!”) เอสรา เป็นชายผู้รักพระเจ้า ชีวิตของเขาถูกบรรยายไว้ในพันธสัญญาเดิม ชีวิตของเอสราแสดงให้เห็นถึงความลับของความสำเร็จที่แท้จริงและยั่งยืนตามแบบที่พระเจ้าทรงตั้งไว้  เอสราเป็นครูสอนพระวจนะของพระเจ้า เขาได้รับประสบการณ์แห่ง “พระหัตถ์อันเปี่ยมด้วยพระคุณของพระเจ้า” [อีกนัยหนึ่งคือความสำเร็จที่แท้จริง] ในชีวิตของเขา [เอสรา 7:9] อันเป็นผลจากการฝึกฝนอุปนิสัย 3 ประการในการตามพระเจ้า  ในเอสรา 7:10 กล่าวว่า “เพราะเอสราได้ตั้งใจของท่านที่จะศึกษาธรรมบัญญัติของพระเจ้า และกระทำตามและสอนกฎเกณฑ์และกฎหมายของพระองค์ในอิสราเอล” ข้อพระธรรมนี้สอนเราว่าใจของเอสราตั้งมั่นหรือทุ่มเทให้กับการฝึกฝนอุปนิสัย 3 ประการ: (1) ศึกษาพระวจนะของพระเจ้า (2) ปฏิบัติตามพระวจนะของพระเจ้า และ (3) สอนพระวจนะของพระเจ้า มาดูนิสัยแต่ละประการเหล่านี้กัน หากเราปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับเอสรา – ความสำเร็จที่แท้จริงตามแบบที่พระเจ้าทรงตั้งไว้ อุปนิสัย # 1  เช่นเดียวกับเอสรา เราก็ต้องตั้งใจศึกษาพระวจนะของพระเจ้าอย่างขยันขันแข็งเช่นกัน “เพราะเอสราได้ตั้งใจของท่านที่จะศึกษาธรรมบัญญัติของพระเจ้า” นิสัยอย่างแรกและสำคัญที่สุดที่เอสราตั้งใจจะทำคือการตั้งใจจะแสวงหาและศึกษาพระวจนะของพระเจ้า [อีกคำหนึ่งที่ใช้เรียกคือธรรมบัญญัติ/พระราชบัญญัติของพระเจ้า]…

พระเจ้าทรงระลึกถึงคุณแม้คุณจะรู้สึกว่าถูกพระองค์ทอดทิ้งก็ตาม

Thai Editor May 29, 2025 Comments:0

(English Version: “The Lord Remembers You – Even When You Feel Abandoned By Him!”) คุณเคยรู้สึกว่าถูกพระเจ้าทอดทิ้งเพราะต้องเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบากเป็นเวลานานหรือไม่? บางทีอาจเป็นเพราะปัญหาทางการเงิน  ปัญหาสุขภาพ  หรือปัญหาครอบครัว  ไม่ว่าความทุกข์ยากจะเป็นอะไร คุณมีปฏิกิริยาอย่างไร: (1) ผิดหวังในพระเจ้า? (2) โกรธพระองค์? (3) ท้อแท้และหดหู่? (4) อดทนรอให้พระองค์นำการช่วยกู้มาในเวลาของพระองค์? ในโพสต์นี้ จุดประสงค์ของผมคือเพื่อหนุนใจเราทุกคน  เมื่อเราเผชิญกับการทดลองที่กินระยะเวลายาวนาน จากคำถามข้างต้นให้เราเลือกตอบสนองตามหมายเลข 4 – อดทนรอให้พระเจ้านำการช่วยกู้มาในเวลาของพระองค์ แต่มันพูดง่ายกว่าทำ  แล้วเราจะพัฒนาการตอบสนองที่ถูกต้องได้อย่างไร – โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดูเหมือนว่าไม่มีการบรรเทาจากความทุกข์แห่งการทดลองเลย  ผมเชื่อว่าคำตอบขึ้นอยู่ที่การยอมรับความจริงในพระคัมภีร์ข้อนี้: พระเจ้าไม่เคยลืมลูกๆ ของพระองค์  พระองค์จำพวกเขาได้  แม้ว่าพวกเขาจะ “รู้สึก” ว่าถูกพระองค์ทอดทิ้ง! ตัวอย่างของการที่พระเจ้าทรงระลึกถึงประชากรของพระองค์ โนอาห์  ครั้งแรกที่เราอ่านว่าพระเจ้าทรงระลึกถึงประชากรของพระองค์คือในปฐมกาล 8:1, “แต่พระเจ้าทรงระลึกถึงโนอาห์”…

นรก – ความจริงและผลกระทบของมัน – ตอนที่ 2

Thai Editor May 22, 2025 Comments:0

(English Version: “Hell – Its Realities and Implications – Part 2”) นี่เป็นบทความที่สองและบทความตอนท้ายในเรื่องชุด “นรก – ความจริงและผลกระทบ”  จากตอนที่ 1 เราได้เห็นความจริง 4 ประการของนรกดังต่อไปนี้: 1. นรกเป็นสถานที่ที่มีอยู่จริง 2. นรกเป็นสถานที่แห่งการทรมานที่รู้สึกตัวอยู่ชั่วนิรันดร์ 3. นรกเป็นสถานที่ที่คนชั่วและคนดีจะอยู่รวมกัน 4. นรกเป็นสถานที่ที่ไม่มีความหวัง เมื่อพิจารณาจากความจริงอันน่าสยดสยองเหล่านี้ ต่อไปนี้คือผลกระทบ 4 ประการ – ผลกระทบ 3 ประการสำหรับคริสเตียน และ 1 ประการสำหรับคนที่ไม่ใช่คริสเตียน ผลกระทบสำหรับคริสเตียน 1. เราควรขอบคุณพระเจ้าเสมอ พระเยซูทรงร้องเสียงดังบนไม้กางเขนว่า “พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ไฉนพระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย” [มัทธิว 27:46]  และเพราะพระองค์ถูกทอดทิ้ง ทำให้เราผู้ซึ่งวางใจในพระเยซูด้วยพระคุณของพระเจ้าจะไม่มีวันถูกทอดทิ้ง  กล่าวอีกนัยหนึ่ง…

นรก – ความจริงและผลกระทบของมัน – ตอนที่ 1

Thai Editor May 14, 2025 Comments:0

(English Version: “Hell – Its Realities and Implications – Part 1”) นรกไม่ใช่หัวข้อสนทนาที่คนนิยม – แม้แต่ในคริสตจักร  แต่อย่างไรก็ตาม นรกเป็นหัวข้อสำคัญและเร่งด่วนเพราะพระคัมภีร์กล่าวถึงนรกไว้มากมาย  ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าหัวข้อนี้ทำให้เราสบายใจหรืออึดอัด แต่มันเป็นความจริงอันยากจะยอมรับที่เราต้องคำนึงถึงอยู่เสมอ เพื่อประโยชน์เกี่ยวกับชีวิตนิรันดร์ของตัวเราเอง! เมื่อร้อยกว่าปีก่อน เจ.ซี. ไรล์ นักเทศน์ผู้รักพระเจ้า เขียนเกี่ยวกับนรกไว้ว่า “คนเฝ้ายามที่ไม่เตือนภัยเมื่อเห็นไฟไหม้มีความผิดฐานบกพร่องต่อหน้าที่อย่างร้ายแรง  หมอที่บอกว่าเรากำลังจะหายป่วยเมื่อเรากำลังจะตายเป็นเพื่อนจอมปลอม  และศิษยาภิบาลที่ไม่เทศนาเรื่องนรกแก่คริสตจักรของเขาก็ไม่ใช่คนซื่อสัตย์หรือเป็นผู้ที่มีความรัก” เนื่องจากผมมุ่งมั่นที่จะมีทั้งความซื่อสัตย์และความรัก  ผมจึงต้องการกล่าวถึงเรื่องนรกโดยอธิบายให้เห็นในความจริง 4 ประการของนรกและผลที่จะตามมาของความจริงเหล่านี้ ความเป็นจริง #1 นรกเป็นสถานที่ที่มีอยู่จริง เพียงเพราะมีคนไม่เชื่อในนรก ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่จริง  นรกคือสถานที่จริงที่มีอยู่จริง  ถ้านรกไม่ใช่สถานที่จริง เหตุใดพระเยซูจึงไม่เพียงแค่เตือนเราเท่านั้น – แต่ยังทรงมาตายแทนเราเพื่อที่เราจะไม่ต้องไปที่นั่น  ใน มัทธิว 10:28 พระเยซูเตือนเราว่า “อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่มีอำนาจที่จะฆ่าจิตวิญญาณ แต่จงกลัวพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ ที่จะให้ทั้งจิตวิญญาณทั้งกายพินาศในนรกได้” คำพูดเหล่านี้ไม่สมเหตุสมผลเลยถ้านรกไม่มีอยู่จริง  ถ้าเราเชื่อว่ามีสวรรค์จริง…

อันตราย 4 ประการจากการรักเงินทอง

Thai Editor May 8, 2025 Comments:0

(English Version: “4 Dangers Of Loving Money”) แจ็ค เบนนี่ นักแสดงตลกวัยชราแสดงละครให้เห็นว่าเงินสามารถกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรามากกว่าสิ่งอื่นใด ฉากคือเขากำลังเดินไปตามทางทันใดนั้นก็มีโจรพร้อมอาวุธเข้าจี้เขาและถามว่า “เงินของแกหรือชีวิตของแก!”  แจ็คหยุดชะงักและอึ้งไปนาน โจรถามอย่างใจร้อนว่า “ว่าไง?”  นักแสดงตลกตอบว่า “อย่าเร่งซิ ฉันกำลังเลือกอยู่” (ในชีวิตจริงของแจ็คนั้นทุกคนรู้ว่าเขาเป็นคนใจกว้างมาก!) แม้ว่าเราอาจขำกับเรื่องนี้ แต่มันเป็นตลกร้ายที่แสดงว่าเงินสามารถครอบงำเราได้  ไม่น่าแปลกใจที่พระคัมภีร์ได้มีคำเตือนมากมายเกี่ยวกับอันตรายของความร่ำรวย  คำเตือนเหล่านั้นส่วนใหญ่มาจากพระโอษฐ์ขององค์เยซูเจ้าเอง  ดังตัวอย่างข้างล่างนี้: มัทธิว 6:24 “ท่านจะปรนนิบัติพระเจ้าและเงินพร้อมกันไม่ได้” ลูกา 12:15 “จงระวังและเว้นเสียจากความโลภ เพราะว่าชีวิตของบุคคลใดๆ มิได้อยู่ในของบริบูรณ์ซึ่งเขามีอยู่นั้น” ผู้เขียนฮีบรูเตือนเราว่า “ท่านจงพ้นจากการรักเงิน จงพอใจในสิ่งที่ท่านมีอยู่” [ฮีบู 13:5] แน่นอนว่าคำเตือนเกี่ยวกับการรักเงินนั้นไม่ได้เป็นเพียงคำสอนในพันธสัญญาใหม่เท่านั้น  แม้ในพระบัญญัติสิบประการเองในข้อที่สิบก็เป็นข้อห้ามไม่ให้มีความโลภด้วย “อย่าโลภ” [อพยพ 20:17] การมุ่งหลงปรารถนาในเงินนั้นนำมาซึ่งอันตรายหลายประการ  เราจะกล่าวถึงอันตรายสี่ประการ: อันตรายประการที่ 1  มันสามารถทำให้เราไว้วางใจในเงินมากกว่าพระเจ้า ขุนนางหนุ่มผู้มั่งคั่งมาหาพระเยซูเพื่อถามเกี่ยวกับชีวิตนิรันดร์เป็นตัวอย่างชั้นดี [มาระโก 10:17-22]  ชายผู้นี้หลงรักเงินทองของตนอย่างสุดหัวใจและเกาะติดมันไม่ยอมปล่อย…

พระเยซูผู้ช่วยให้รอด ผู้ทรงทำลายอุปสรรค 4 ประการเพื่อช่วยมวลมนุษย์ให้รอดได้

Thai Editor April 29, 2025 Comments:0

(English Version: “Jesus The Savior Breaks Down 4 Barriers To Save People”) มาร์วิน โรเซนธัล ชาวยิวที่กลับใจมาเป็นคริสเตียน กล่าวว่าลำดับวงศ์ตระกูลของพระเยซูตามที่ระบุไว้ในมัทธิว 1:1-17 เป็นหลักฐานอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาเชื่อว่าพระเยซูคือพระเมสสิยาห์  โรเซนธัลมีประสบการณ์เป็นนาวิกโยธินสหรัฐและต้องแม่นยำเมื่อต้องยิงเป้าจากระยะไกลกล่าวว่า สำหรับชาวยิวการลำดับวงศ์ตระกูลของมัทธิวนั้นแม่นยำตรงเป้าถึง 10 ครั้งจาก 10 ครั้ง! ชาวยิวพิถีพิถันในเรื่องการลำดับวงศ์ตระกูลมาตั้งแต่สมัยพันธสัญญาเดิม – ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งที่ดิน  การจัดสรรปุโรหิต  หรือแม้แต่เรื่องกษัตริย์  และเนื่องจากมัทธิวได้กล่าวอ้างอย่างยิ่งใหญ่ว่าพระเยซูคือพระเมสสิยาห์และคือ “บุตรของดาวิด” และ “บุตรของอับราฮัม” [มัทธิว 1:1] มัทธิวจำเป็นต้องพิสูจน์คำกล่าวอ้างนั้นเมื่อเขาเรียกร้องให้ผู้คนวางใจในพระเยซู นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงแสดงลำดับวงศ์ตระกูลของพระเยซูตั้งแต่สมัยดาวิดจนถึงอับราฮัม และเนื่องจากมัทธิวเคยมีอาชีพเป็นคนเก็บภาษี  เขาจึงมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะจัดทำรายชื่อลำดับวงศ์ตระกูล  เนื่องจากนั่นเป็นส่วนหนึ่งของงานของเขาเพื่อจะมั่นใจว่าได้เก็บภาษีในจำนวนที่ถูกต้องตามสมาชิกของแต่ละครอบครัว อย่างไรก็ตาม สำหรับพวกเราส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่ชาวยิว  การลำดับวงศ์ตระกูลในพระคัมภีร์นั้นไม่น่าสนใจนัก แม้ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของพระวจนะที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้า และนั่นจึงนับได้ว่าเป็นประโยชน์สำหรับเรา [2 ทิโมธี 3:16-17]  ในบทความนี้  ผมหวังจะแสดงให้เห็นว่าแม้แต่ข้อความที่เต็มไปด้วยชื่อนี้ก็เป็นประโยชน์สำหรับเราได้ เพราะมันอธิบายถึงอุปสรรค…

บทบาทของคริสเตียนในที่ทำงาน

Thai Editor April 23, 2025 Comments:0

(English Version: “The Christian’s Role In The Workplace – A Biblical View”) ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกามีชื่อว่า “TGIF”  ซึ่งย่อมาจาก Thank God It’s Friday  ชื่อร้านนั้นสื่อถึงทัศนคติของคนทั่วไปเกี่ยวกับการทำงานได้เป็นอย่างดี  มันแปลว่า ขอบคุณพระเจ้าวันศุกร์แล้ว! (ดีใจที่วันทำงานจบซะที!)  อย่างไรก็ตาม คำถามคือ – คริสเตียนควรมองการทำงานในทัศนคติแบบนี้หรือไม่  คริสเตียนควรมองการทำงานว่าเป็นเรื่องแย่แบบปกติ หรือเราควรมองการทำงานว่าเป็นของขวัญจากพระเจ้าและเป็นโอกาสถวายเกียรติแด่พระองค์แม้ในสถานที่ทำงานของเราหรือไม่  บทความสั้นๆ นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจถึงแนวคิดอย่างหลัง [คือ ถวายเกียรติแด่พระเจ้า] โดยให้ความจริงในพระคัมภีร์ 5 ประการเกี่ยวกับการทำงาน ความจริงที่ 1 การทำงานมีอยู่ก่อนที่บาปจะเข้ามาในโลก หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าการทำงานเป็นผลมาจากความบาปในโลก  แต่ก่อนที่บาปจะเข้ามาในโลกพระเจ้าได้มอบหมายการงานให้อาดัมทำในสวนเอเดนอยู่ก่อนแล้ว คือ “ดูแลและรักษาสวน” [ปฐมกาล 2:15]  อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบาป การทำงานจึงยากลำบากขึ้น พระองค์ตรัสแก่อาดัมว่า “แผ่นดินจึงต้องถูกสาปแช่งเพราะตัวเจ้า เจ้าจะต้องหากินบนแผ่นดินนั้นด้วยความทุกข์ยากตลอดวันเวลาในชีวิตของเจ้า”…

พิธีบัพติศมาในน้ำ – คำถามและคำตอบ 6 ประการ

Thai Editor April 18, 2025 Comments:0

(English Version: “Water Baptism – 6 Key Questions Asked And Answered”) โดยหลักการพื้นฐานแล้ว มีพระราชบัญญัติ/พิธีการสองอย่างที่คริสเตียนทุกคนต้องปฏิบัติตามหลังจากที่ยอมรับพระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของตน ข้อแรกคือ การรับบัพติศมาในน้ำ และข้อที่สองคือการเข้ารับพิธีมหาสนิทของพระเจ้าซึ่งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าพิธีศีลระลึก ข้อหนึ่งแตกต่างจากข้อสองคือพิธีบัพติศมาในน้ำเป็นการกระทำครั้งเดียว แต่การเข้าร่วมพิธีมหาสนิทเป็นการกระทำที่ต่อเนื่อง  การสรุปภาพรวมโดยย่อของพิธีแรกจะช่วยตอบคำถามพื้นฐานสองสามข้อเกี่ยวกับพิธีนั้น ซึ่งก็คือ บัพติศมาในน้ำ บัพติศมาในน้ำเป็นพระบัญญัติข้อแรกและสำคัญที่สุดหลังจากการกลับใจใหม่ของผู้เชื่อ – กล่าวคือ หลังจากที่กลับใจจากบาปและวางใจในพระเยซูคริสต์  แม้ว่าพระคัมภีร์จะชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ยังมีการไม่เชื่อฟังพระบัญญัติที่ตรงไปตรงมานี้อยู่มาก  ตามที่ครูสอนพระคัมภีร์ท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ถึงสาเหตุหลักของการไม่เชื่อฟังนี้คือ: ความไม่รู้: คนไม่เข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน เนื่องจากพระบัญญัติข้อนี้ไม่ได้รับการสอนให้พวกเขาเข้าใจ ความเย่อหยิ่งทางจิตวิญญาณ: การรอไม่รับบัพติศมาในที่สาธารณะหลังจากรับเชื่อเป็นเวลานานบ่งชี้ถึงการขาดความเข้าใจหรือแสดงถึงการไม่เชื่อฟังเป็นเวลานาน เนื่องจากการไม่เชื่อฟังเช่นนี้ต้องมีความถ่อมใจเพื่อจะรับบัพติศมา ทำให้พวกเขาอายจึงไม่ต้องการรับบัพติศมา  น่าเสียดายที่มีหลายคนยังคงอยู่ในคนกลุ่มนี้ที่ยอมอับอายต่อพระพักตร์พระเจ้าเยซูในวันพิพากษามากกว่าที่จะรู้สึกอับอายต่อหน้าโลกในปัจจุบัน ทัศนคติแบบสบายๆ: หลายคนมีทัศนคติแบบเรื่อยๆ สบายๆ ต่อการรับบัพติศมา กลุ่มคนดังกล่าวไม่ได้ต่อต้านการรับบัพติศมา เพียงแต่พวกเขาไม่เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ เป็นทัศนคติที่บอกว่า “ยังมีปัญหาเร่งด่วนอื่นๆ ที่ต้องจัดการในขณะนี้ บางทีสักวันหนึ่งเมื่อฉันมีเวลา ฉันค่อยรับบัพติศมาก็ได้” ความกลัวการแสดงความเชื่อ: บางคนกลัวที่จะแสดงความเชื่อของตนในที่สาธารณะเพราะพวกเขากำลังทำผิดบาปในชีวิตของตน และเมื่อยอมรับบัพติศมาในที่สาธารณะ พวกเขารู้สึกว่าตัวเองกำลังแสดงตนเป็นคนหน้าซื่อใจคด…