พระเยซูผู้ช่วยให้รอด ผู้ทรงทำลายอุปสรรค 4 ประการเพื่อช่วยมวลมนุษย์ให้รอดได้

Posted byThai Editor April 29, 2025 Comments:0

(English Version: “Jesus The Savior Breaks Down 4 Barriers To Save People”)

มาร์วิน โรเซนธัล ชาวยิวที่กลับใจมาเป็นคริสเตียน กล่าวว่าลำดับวงศ์ตระกูลของพระเยซูตามที่ระบุไว้ในมัทธิว 1:1-17 เป็นหลักฐานอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาเชื่อว่าพระเยซูคือพระเมสสิยาห์  โรเซนธัลมีประสบการณ์เป็นนาวิกโยธินสหรัฐและต้องแม่นยำเมื่อต้องยิงเป้าจากระยะไกลกล่าวว่า สำหรับชาวยิวการลำดับวงศ์ตระกูลของมัทธิวนั้นแม่นยำตรงเป้าถึง 10 ครั้งจาก 10 ครั้ง!

ชาวยิวพิถีพิถันในเรื่องการลำดับวงศ์ตระกูลมาตั้งแต่สมัยพันธสัญญาเดิม – ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งที่ดิน  การจัดสรรปุโรหิต  หรือแม้แต่เรื่องกษัตริย์  และเนื่องจากมัทธิวได้กล่าวอ้างอย่างยิ่งใหญ่ว่าพระเยซูคือพระเมสสิยาห์และคือ “บุตรของดาวิด” และ “บุตรของอับราฮัม” [มัทธิว 1:1] มัทธิวจำเป็นต้องพิสูจน์คำกล่าวอ้างนั้นเมื่อเขาเรียกร้องให้ผู้คนวางใจในพระเยซู นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงแสดงลำดับวงศ์ตระกูลของพระเยซูตั้งแต่สมัยดาวิดจนถึงอับราฮัม และเนื่องจากมัทธิวเคยมีอาชีพเป็นคนเก็บภาษี  เขาจึงมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะจัดทำรายชื่อลำดับวงศ์ตระกูล  เนื่องจากนั่นเป็นส่วนหนึ่งของงานของเขาเพื่อจะมั่นใจว่าได้เก็บภาษีในจำนวนที่ถูกต้องตามสมาชิกของแต่ละครอบครัว

อย่างไรก็ตาม สำหรับพวกเราส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่ชาวยิว  การลำดับวงศ์ตระกูลในพระคัมภีร์นั้นไม่น่าสนใจนัก แม้ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของพระวจนะที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้า และนั่นจึงนับได้ว่าเป็นประโยชน์สำหรับเรา [2 ทิโมธี 3:16-17]  ในบทความนี้  ผมหวังจะแสดงให้เห็นว่าแม้แต่ข้อความที่เต็มไปด้วยชื่อนี้ก็เป็นประโยชน์สำหรับเราได้ เพราะมันอธิบายถึงอุปสรรค 4 ประการที่พระเยซูทรงทำลายเพื่อช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากบาป และนั่นควรจะกระตุ้นให้เราเข้าหาพระองค์ด้วยความเชื่อ และสามารถแบ่งปันเรื่องราวของพระองค์แก่ผู้อื่นด้วยความยินดี

จะเป็นการดีหากอ่านข้อพระคัมภีร์ในมัทธิว 1:1-17 ให้จบก่อน จากนั้นค่อยดูอุปสรรค 4 ประการที่พระเยซูทรงเอาชนะเพื่อช่วยมนุษย์ให้มีความรอดได้

1 หนังสือลำดับพงศ์พันธุ์ของพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นบุตรของดาวิด ผู้ทรงเป็นบุตรของอับราฮัม 2 อับราฮัมให้กำเนิดบุตรชื่ออิสอัค อิสอัคให้กำเนิดบุตรชื่อยาโคบ ยาโคบให้กำเนิดบุตรชื่อยูดาห์และพี่น้องของเขา 3 ยูดาห์ให้กำเนิดบุตรชื่อเปเรศกับเศ-ราห์เกิดจากนางทามาร์ เปเรศให้กำเนิดบุตรชื่อเฮสโรน เฮสโรนให้กำเนิดบุตรชื่อราม 4 รามให้กำเนิดบุตรชื่ออัมมีนาดับ อัมมีนาดับให้กำเนิดบุตรชื่อนาโชน นาโชนให้กำเนิดบุตรชื่อสัลโมน 5 สัลโมนให้กำเนิดบุตรชื่อโบอาสเกิดจากนางราหับ โบอาสให้กำเนิดบุตรชื่อโอเบดเกิดจากนางรูธ โอเบดให้กำเนิดบุตรชื่อเจสซี 6 เจสซีให้กำเนิดบุตรชื่อดาวิดผู้เป็นกษัตริย์

ดาวิดผู้เป็นกษัตริย์ให้กำเนิดบุตรชื่อซาโลมอน เกิดจากนางซึ่งแต่ก่อนเป็นภรรยาของอุรียาห์ 7 ซาโลมอนให้กำเนิดบุตรชื่อเรโหโบอัม เรโหโบอัมให้กำเนิดบุตรชื่ออาบียาห์ อาบียาห์ให้กำเนิดบุตรชื่ออาสา 8 อาสาให้กำเนิดบุตรชื่อเยโฮชาฟัท เยโฮชาฟัทให้กำเนิดบุตรชื่อเยโฮรัม เยโฮรัมให้กำเนิดบุตรชื่ออุสซียาห์ 9 อุสซียาห์ให้กำเนิดบุตรชื่อโยธาม โยธามให้กำเนิดบุตรชื่ออาหัส อาหัสให้กำเนิดบุตรชื่อเฮเซคียาห์ 10 เฮเซคียาห์ให้กำเนิดบุตรชื่อมนัสเสห์ มนัสเสห์ให้กำเนิดบุตรชื่ออาโมน อาโมนให้กำเนิดบุตรชื่อโยสิยาห์ 11 โยสิยาห์ให้กำเนิดบุตรชื่อเยโคนิยาห์กับพวกพี่น้องของเขา เกิดเมื่อคราวพวกเขาต้องถูกกวาดไปเป็นเชลยยังกรุงบาบิโลน

12 หลังจากพวกเขาต้องถูกกวาดไปยังกรุงบาบิโลนแล้ว เยโคนิยาห์ก็ให้กำเนิดบุตรชื่อเซลาทิเอล เซลาทิเอลให้กำเนิดบุตรชื่อเศรุบบาเบล 13 เศรุบบาเบลให้กำเนิดบุตรชื่ออาบีอูด อาบีอูดให้กำเนิดบุตรชื่อเอลีอาคิม เอลีอาคิมให้กำเนิดบุตรชื่ออาซอร์ 14 อาซอร์ให้กำเนิดบุตรชื่อศาโดก ศาโดกให้กำเนิดบุตรชื่ออาคิม อาคิมให้กำเนิดบุตรชื่อเอลีอูด 15 เอลีอูดให้กำเนิดบุตรชื่อเอเลอาซาร์ เอเลอาซาร์ให้กำเนิดบุตรชื่อมัทธาน มัทธานให้กำเนิดบุตรชื่อยาโคบ 16 ยาโคบให้กำเนิดบุตรชื่อโยเซฟ สามีของนางมารีย์ พระเยซูที่เรียกว่าพระคริสต์ก็ทรงบังเกิดมาจากนางมารีย์

17 ดังนั้น ตั้งแต่อับราฮัมลงมาจนถึงดาวิดจึงเป็นสิบสี่ชั่วคน และนับตั้งแต่ดาวิดลงมาจนถึงต้องถูกกวาดไปเป็นเชลยยังกรุงบาบิโลนเป็นเวลาสิบสี่ชั่วคน และนับตั้งแต่ต้องถูกกวาดไปเป็นเชลยยังกรุงบาบิโลนจนถึงพระคริสต์เป็นสิบสี่ชั่วคน

1. พระเยซูผู้ช่วยให้รอด ผู้ทรงทำลายกำแพงทางเชื้อชาติทั้งหมด

จากรายชื่อข้างต้นนี้ไม่ได้มีแค่ชื่อของชาวยิวเท่านั้น แต่ยังมีชื่อคนต่างชาติอยู่ด้วย ชื่อแรกคือนาง “ทามาร์” [มัทธิว 1:3] ซึ่งให้กำเนิดบุตรชายสองคนคือ “เปเรซ” และ “เศราห์” ทามาร์ไม่ใช่ชาวยิว นางน่าจะเป็นหญิงคานาอัน  ส่วนชื่อที่สองคือ “ราหับ” [มัทธิว 1:5] ซึ่งเป็นหญิงที่ให้ความช่วยเหลือสายลับชาวยิวสองคน [ยชว 2:4] นางก็น่าจะเป็นหญิงคานาอันเช่นกัน  ส่วนชื่อที่สามคือ “รูธ” [มัทธิว 1:5] ซึ่งเป็นหญิงชาวโมอับ  นอกจากนี้ ยังมีนางบัทเชบา ซึ่งถูกอธิบายว่าเป็น “ภรรยาของอุรียาห์” [มัทธิว 1:6] นางน่าจะเป็นชาวฮิตไทต์ หรืออย่างน้อยก็ยอมรับธรรมเนียมของชาวฮิตไทต์ เนื่องจากนางแต่งงานกับอุรียาห์ ซึ่งเป็นชาวฮิตไทต์ก่อนที่จะมาเป็นภรรยาของดาวิด

อย่างที่เราเห็น พระเยซูทรงอยู่ในเชื้อสายของคนซึ่งไม่ใช่มีแค่ชาวยิวเท่านั้น พระองค์แสดงให้เราเห็นว่าอุปสรรคด้านเชื้อชาติถูกทำลายลงแล้ว พระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของผู้คนจากทั่วทุกสารทิศและจากทุกภูมิหลัง  ไม่สำคัญว่าคนๆ นั้นจะมีสีผิวอะไร เกิดที่ไหน หรือวรรณะใด พระเยซูเจ้าทรงต้อนรับผู้คนทุกประเภทเข้ามาในครอบครัวของพระองค์ ซึ่งหมายความว่าผู้ติดตามพระเยซูจะต้องไม่เลือกปฏิบัติต่อผู้อื่น ไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นใครหรือมีภูมิหลังอย่างไร  แต่ผู้เชื่อจะต้องต้อนรับพวกเขาทั้งหมด

2. พระเยซูผู้ช่วยให้รอด ผู้ทรงทำลายอุปสรรคด้านเพศสภาพทั้งหมด

อุปสรรคประการที่สองที่พระเยซูทรงทำลายคืออุปสรรคด้านเพศสภาพ  การระบุรายชื่อผู้หญิงในลำดับวงศ์ตระกูลนั้นเป็นเรื่องผิดปกติ  อย่างไรก็ตาม มีรายชื่อผู้หญิง 5 คนในข้อพระคัมภีร์นี้ – ได้แก่ ทามาร์, ราหับ, รูธ, บัทเชบา และมารีย์  ซึ่ง 3 คนในจำนวนนี้มีภูมิหลังที่น่ากังขามาก [ทามาร์, ราหับ และบัทเชบา]  ในช่วงเวลา (ณ ตอนนั้น) ที่ผู้หญิงไม่สามารถขึ้นเป็นพยานในศาลได้ แต่พระเยซูทรงยกระดับพวกเธอขึ้น  พระเยซูทรงบอกว่าพระองค์เป็นพระเมสสิยาห์ครั้งแรกต่อหญิงชาวสะมาเรีย [ยอห์น 4] – ไม่ใช่ต่อชนชั้นสูงในเยรูซาเล็ม  และทรงปรากฏตัวครั้งแรกหลังจากที่พระองค์ทรงฟื้นขึ้นจากความตายต่อหญิงคนหนึ่ง – คือ มารีย์ชาวมักดาลา – ไม่ใช่ต่ออัครสาวกทั้ง 11 คน [ยอห์น 20:16-18]!

ในพระเยซู ผู้เป็นพระผู้ช่วยให้รอด อุปสรรคทางเพศสภาพทั้งหมดถูกทำลายลงแล้ว  ในทางจิตวิญญาณ เราทุกคนเท่าเทียมกันในพระคริสต์ แม้ว่าจะมีบทบาทที่แตกต่างกันก็ตาม ทั้งผู้ชายและผู้หญิงต่างก็ได้รับการต้อนรับในอาณาจักรของพระองค์ ผู้ติดตามพระเยซูต้องจำสิ่งนี้ไว้

3. พระเยซูผู้ช่วยให้รอด ผู้ทรงทำลายกำแพงทางสังคมทั้งหมด

รายชื่อในมัทธิวประกอบด้วยกษัตริย์  คนเลี้ยงแกะ  ช่างไม้ และบุคคลอื่นๆ ที่ไม่มีชื่อเสียง  ในความเป็นจริง อัครสาวก 11 จาก 12 คนของพระเยซูมาจากแคว้นกาลิลี  ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่ได้รับการศึกษาสูง – ชาวประมง, คนเก็บภาษี และพวกกบฏ  แต่ทั้งหมดถูกพระองค์ใช้ให้เขย่าโลก  คริสตจักรในศตวรรษแรกส่วนใหญ่เป็นผู้เชื่อที่มีสถานะทางสังคมต่ำ – เช่น ทาส [1 โครินธ์ 1:26-31]  พระเจ้าไม่เพียงแต่ให้ความรอดแก่พวกเขาเท่านั้น แต่ยังทรงใช้พวกเขาอย่างมากมายในการเผยแพร่พระกิตติคุณด้วย  สิ่งนี้สอนเราอย่างชัดเจนว่าพระเยซูผู้ช่วยให้รอดไม่ได้มีไว้สำหรับชนชั้นสูงในสังคมเท่านั้น แต่พระองค์มีไว้สำหรับทุกคน  ในพระเยซู กำแพงทางสังคมและตำแหน่งฐานะทั้งหมดถูกทำลายลง นอกจากนี้ยังเป็นการเตือนใจผู้ติดตามพระเยซูด้วยว่า เราไม่ควรเลือกปฏิบัติต่อใครโดยพิจารณาจากสถานะทางสังคมและตำแหน่ง แต่ควรปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน

4. พระเยซูผู้ช่วยให้รอด ผู้ทรงทำลายกำแพงบาปทั้งหมด

ในบรรดาอุปสรรคทั้งหมดที่พระเยซูทรงทำลาย อุปสรรคนี้เป็นสิ่งที่ใหญ่ที่สุด! บาปเป็นสาเหตุของความทุกข์ยากทั้งหมดของเราในโลกนี้ รวมทั้งความตายด้วย! แต่ถึงกระนั้น ผ่านทางลำดับวงศ์ตระกูลของพระเยซู มัทธิวแสดงให้เราเห็นว่าพระเยซูทรงทำลายอุปสรรคทางบาปด้วย เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร? มาดูชื่อบางชื่อในแผนภูมิลำดับวงศ์ตระกูลของพระเยซูโดยย่อ – ให้สังเกตถึงลักษณะเชิงลบของพวกเขา

อับราฮัม – มีความผิดฐานโกหกมากกว่าหนึ่งครั้ง [ปฐมกาล 12:10-20; ปฐมกาล 20:1-18]

อิสอัค – มีความผิดฐานโกหกและเลือกเอซาวแทนยาโคบเพื่อให้พรบุตรหัวปี  โดยไม่สนว่าพระเจ้าทรงเลือกยาโคบเพราะว่าเขาอยากกินอาหาร [ปฐมกาล 26:1-11; ปฐมกาล 25:21-23; ปฐมกาล 27:1-4]

ยาโคบ – มีความผิดฐานหลอกลวงและโกหก [ปฐมกาล 27:1-29]

ยูดาห์ – มีความผิดฐานคิดจะขายโยเซฟให้กับชาวอิชมาเอลและแต่งงานกับหญิงชาวคานาอัน และต่อมามีเพศสัมพันธ์กับหญิงที่เขาคิดว่าเป็นโสเภณี [ปฐมกาล 37:26-27; ปฐมกาล 38:1-2; ปฐมกาล 38:11-19]

ทามาร์ – ลูกสะใภ้ของยูดาห์ – มีความผิดฐานแกล้งปลอมเป็นโสเภณีเพื่อจะได้หลับนอนกับเขา [ปฐมกาล 38:11-19]

ราหับ – มีความผิดฐานค้าประเวณี [ยชว 2:1]

ดาวิด – กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอิสราเอล – แต่กลับมีความผิดฐานล่วงประเวณีและฆ่าคน [2 ซามูเอล 11:1-27]

ซาโลมอน – มีความผิดฐานมีภรรยาหลายคน บูชารูปเคารพ และเสพสุขทางโลก [1 พงศ์กษัตริย์ 11:1-8]

เรโฮโบอัม – มีความผิดฐานเย่อหยิ่งและชั่วร้าย [1 พงศ์กษัตริย์ 12:1-15]

อาหัส – มีความผิดฐานบูชารูปเคารพอย่างร้ายแรง รวมถึงการถวายมนุษย์เป็นเครื่องบูชา [2 พงศ์กษัตริย์ 16:1-4]

รายชื่อยังคงดำเนินต่อไป แต่ลองเดาดูว่าใครได้รับรางวัลสูงสุดสำหรับความชั่วร้ายในรายชื่อนี้  นั่นก็คือ มนัสเสห์ ลูกชายของเฮเซคียาห์  ใน 2 พงศ์กษัตริย์ 21:11 กล่าวถึงมนัสเสห์ไว้ดังนี้: “มนัสเสห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ได้กระทำการอันน่าสะอิดสะเอียนเหล่านี้ และได้ประพฤติชั่วร้ายยิ่งกว่าสิ่งทั้งปวงที่คนอาโมไรต์ได้กระทำ ผู้ซึ่งอยู่มาก่อนพระองค์ และได้ทรงกระทำให้ยูดาห์ทำบาปด้วยรูปเคารพทั้งหลายของพระองค์อีกด้วย”  และใน 2 พงศาวดาร 33 ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความชั่วร้ายของเขา ซึ่งรวมถึงความชั่วร้าย เช่น: “และพระองค์ได้ทรงถวายโอรสของพระองค์ให้ลุยไฟในหุบเขาบุตรชายของฮินโนม ถือฤกษ์ยาม ใช้เวทมนตร์ ใช้ไสยศาสตร์ ติดต่อกับคนทรงและพ่อมดหมอผี พระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายเป็นอันมากในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์ ซึ่งเป็นการยั่วยุให้พระองค์ทรงกริ้วโกรธ” [2 พงศาวดาร 33:6]

น่าตกใจใช่ไหม! รายชื่อพงศ์พันธุ์ของพระคริสต์มีชื่อคนบาปที่ชั่วร้ายและมีแม้แต่ผู้ที่รักพระเจ้าอย่างอับราฮัม ผู้ซึ่งยอมเชื่อฟังพระเจ้าแม้เมื่อทรงให้เขาถวายอิสอัคลูกชายเป็นเครื่องบูชา [ปฐมกาล 22]  อย่างไรก็ตาม รายชื่อข้างต้นนี้ยังแสดงให้เห็นว่าแม้แต่มนุษย์ที่ดีที่สุด เช่น อับราฮัมหรือดาวิด ก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ดี! – ช่างเป็นหมวดกลุ่มคนบาปที่ทั้งธรรมดาและพิเศษในแง่บาปของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นคนโกหก  นักวางแผนหลอกลวง  โสเภณี  คนล่วงประเวณี  ฆาตกร  คนบูชารูปเคารพ  และอื่นๆ อีกมากมาย

อย่างไรก็ตาม ทุกคนต่างได้รับพระคุณเมื่อกลับใจ  ตัวอย่างที่ดีคือกษัตริย์มนัสเสห์ แม้ว่าเขาจะทำความชั่วร้ายมากมาย แต่เราอ่านได้ใน 2 พงศาวดาร 33:12-13: ว่า 12 และเมื่อพระองค์ทรงทุกข์ยาก พระองค์ทรงวิงวอนขอพระกรุณาต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์ และถ่อมพระทัยลงอย่างมากต่อพระพักตร์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพระองค์ 13 พระองค์ทรงอธิษฐานต่อพระเจ้า และพระเจ้าทรงรับคำวิงวอนของพระองค์ และทรงฟังคำอ้อนวอนของพระองค์ และนำพระองค์กลับมายังกรุงเยรูซาเล็มในราชอาณาจักรของพระองค์อีก แล้วมนัสเสห์ทรงทราบว่าพระเยโฮวาห์ทรงเป็นพระเจ้า”

การที่มัทธิวได้ระบุถึงชื่อคนเหล่านี้แสดงให้เราเห็นว่า พระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระคุณอันไม่มีที่สิ้นสุดได้ทรงส่งพระเยซูมาเป็นพระผู้ช่วยให้รอด เพื่อทำลายอุปสรรคทั้งหลายระหว่างเรากับพระองค์ รวมถึงอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดนั่นก็คือ – บาป  เมื่อเราเข้าหาพระองค์ด้วยความถ่อมใจ

มีเรื่องเล่าถึงชายชราอินเดียนแดงคนหนึ่งที่มิชชันนารีเป็นผู้นำเขามาสู่พระคริสต์หลังจากอยู่ในความบาปมาหลายปี เพื่อนๆ ขอให้เขาอธิบายการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเขา เขาเอื้อมมือไปหยิบหนอนตัวเล็กๆ ขึ้นมาแล้ววางลงบนกองใบไม้ จากนั้นก็จุดไฟที่กองใบไม้นั้น

ในขณะที่เปลวไฟลุกโชนขึ้นจนใกล้ถึงจุดศูนย์กลางที่หนอนนอนอยู่  หัวหน้าเผ่าผู้ชรานั้นก็ฉวยมือลงไปที่กองใบไม้ที่กำลังลุกไหม้และคว้าหนอนตัวนั้นออกมา เขาถือหนอนไว้ในอย่างเบามือและกล่าวคำพยานถึงพระคุณของพระเจ้าว่า “ข้า…คือหนอนตัวนี้”

ความคิดเห็นตอนท้าย

ดังนั้น ผมหวังว่าตอนนี้คุณคงเห็นแล้วว่าแม้แต่รายชื่อคนในพระคัมภีร์ก็มีประโยชน์สำหรับเรา ข้อความนี้เผยให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพระเยซูทรงทำลายอุปสรรคทั้งหมดเพื่อช่วยให้มนุษย์มีความรอดได้ ไม่ว่าคนๆ นั้นจะมีเชื้อชาติ  เพศ  สถานะทางสังคม  หรือบาปมากเพียงใดก็ตาม  พระเยซูสามารถเอาชนะทุกอุปสรรคได้ด้วยการให้อภัยบาปและให้ชีวิตใหม่แก่พวกเขา

พระเยซูทรงเป็นเพื่อนของคนบาปและพวกนอกคอก  พระองค์ไม่เคยละอายที่จะคบหาสมาคมกับพวกเขา พระองค์มาเพื่อแสวงหาและช่วยเหลือบรรดาคนที่มีปัญหา  ไม่มีบาปใดที่เลวร้ายถึงขนาดที่จะหยุดยั้งพระเยซูไม่ให้ยอมรับผู้ที่ยอมรับความผิดของตนและมาหาพระองค์ด้วยการกลับใจ และมีความเชื่ออย่างแท้จริง  พระองค์ยินดีต้อนรับทุกคนที่ยอมรับพระองค์ให้เป็นกษัตริย์ของพวกเขา นั่นควรเป็นแรงบันดาลใจให้คนๆ หนึ่งเข้ามาหาพระเยซูโดยไม่ลังเล

รวมถึงคุณด้วย – ผู้อ่านที่รัก – หากคุณยังไม่ได้มาหาพระองค์! อย่ากลัว  อย่าสงสัยในพระองค์  มาหาพระองค์และสัมผัสชีวิตใหม่ที่พระองค์สามารถมอบให้คุณได้  จงมอบบาป  ความเศร้าโศก  ความล้มเหลว  และความเจ็บปวดของคุณให้กับพระองค์  พระองค์จะรักษาคุณ  พระองค์จะช่วยคุณตลอดการเดินทางดำเนินชีวิตบนโลกนี้ – แม้จะต้องเผชิญกับปัญหาความท้าทายมากมายเพียงใดก็ตาม  อย่ารอช้าที่จะมาหาพระองค์ เพราะคุณไม่รู้ว่าเมื่อใดจะสายเกินไปที่จะหันเข้าหาพระเยซูได้  เพราะชีวิตนั้นไม่แน่นอน  ความตายสามารถมาถึงได้ทุกเมื่อ  ดังนั้น โปรดอย่าชักช้า โปรดมาหาพระองค์วันนี้!

สำหรับพวกเราที่เคยได้รับการอภัยบาป ความจริงเหล่านี้ควรทำให้เรามีความเพียรในการเชื่อฟังพระบัญญัติของพระองค์ และการเชื่อฟังนั้นรวมถึงการแบ่งปันข่าวดีเกี่ยวกับพระเยซูอย่างสัตย์ซื่อกับผู้หลงหายที่จำเป็นต้องได้ยินด้วย! ถูกต้องแล้วที่เราจะต้องภักดีต่อพระองค์ ผู้ทรงช่วยเราให้รอดพ้นจากความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานชั่วนิรันดร์

ศิษยาภิบาลท่านหนึ่งได้เล่าเรื่องการพยายามลอบสังหารสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ  หญิงที่พยายามลอบสังหารได้ปลอมตัวเป็นคนรับใช้ชายและซ่อนตัวอยู่ในห้องส่วนตัวของราชินีเพื่อรอจังหวะที่จะแทงพระนางจนตาย แต่หญิงนั้นไม่รู้ว่าพวกคนรับใช้จะตรวจค้นห้องอย่างเข้มงวดก่อนที่พระราชินีจะเสด็จเข้าห้องนอน  พวกเขาพบหญิงผู้นั้นซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางชุดราตรี  หลังจากโดนยึดอาวุธมีดที่เธอหวังจะใช้สังหารราชินี เธอก็ถูกพาเข้าเฝ้าพระนาง

มือลอบสังหารตระหนักดีว่าเธอไร้ความหวังจะมีชีวิตรอดได้ในสายตามนุษย์  เธอคุกเข่าลงและวิงวอนราชินีในฐานะลูกผู้หญิงด้วยกันให้เมตตาเธอ  พระราชินีเอลิซาเบธมองดูเธออย่างเย็นชาและพูดเบาๆ ว่า “ถ้าฉันแสดงความเมตตาต่อเธอ เธอจะให้คำสัญญาอะไรกับฉันสำหรับอนาคต”  หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “ความเมตตาที่มีเงื่อนไข พระคุณที่ถูกจำกัด ไม่ใช่พระคุณเลย”  พระราชินีเอลิซาเบธทรงรับรู้ความคิดนี้ในทันทีและตรัสว่า “เจ้าพูดถูก ข้าอภัยโทษเจ้าด้วยพระคุณของข้า” และพวกเขาก็พาหญิงนั้นออกไป นางได้ออกไปอย่างมีอิสระภาพ

ประวัติศาสตร์บันทึกบอกเราว่า ตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นมา พระราชินีเอลิซาเบธ ที่ 1 ไม่เคยมีสาวใช้ที่ซื่อสัตย์และอุทิศตนมากไปกว่าสตรีผู้ที่เคยตั้งใจจะฆ่าพระนางเลย

นั่นคือวิธีที่พระคุณของพระเจ้าทำงานในชีวิตของปัจเจกบุคคลแต่ละคน – เขาหรือเธอจะกลายเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้า ขอให้เราร้อนรนที่จะเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของจอมกษัตริย์เยซู ผู้ทรงประทานชีวิตใหม่แก่เราด้วยพระคุณอันน่าอัศจรรย์ของพระองค์!

Category

Leave a Comment